ติดต่อวิทยาลัยพณิชยการบางนา



วิทยาลัยพณิชยการบางนา
สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร  สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ

22 ซอยบางนา - ตราด 1  แขวงบางนา  เขตบางนา  กรุงเทพฯ  10260
โทร : 0  2361  2901 - 2

เว็บไซต์





ความหมายและประเภทของคลังสินค้า


ความหมายของการจัดการคลังสินค้า(Introduction to Warehouse Management)

คลังสินค้า (warehouse)หมายถึง พื้นที่ที่ได้วางแผนแล้วเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้สอยและการเคลื่อน ย้ายสินค้าและวัตถุดิบ โดยคลังสินค้าทำหน้าที่ ในการเก็บสินค้าระหว่างกระบวนการเคลื่อนย้าย เพื่อสนับสนุนการผลิตและการกระจายสินค้า ซึ่งสินค้าที่เก็บในคลังสินค้า (warehouse) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.วัตถุดิบ (Material) ซึ่งอยู่ในรูป วัตถุดิบ ส่วนประกอบและชิ้นส่วนต่างๆ
2.สินค้าสำเร็จรูป (Finish Goods) หรือจะนับรวมไปถึงงานระหว่างการผลิต (In Process) ตลอดจนสินค้าที่ต้องการทิ้งและวัสดุที่นำมาใช้ใหม่
การจัดการคลังสินค้า(Warehouse Management) เป็นการจัดการในการรับ การจัดเก็บ หมายถึง การจัดส่งสินค้าให้ผู้รับเพื่อกิจกรรมการขาย เป้าหมายหลักในการบริหาร ดำเนินธุรกิจ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคลังสินค้าเพื่อให้เกิดการดำเนินการเป็นระบบให้ คุ้มกับการ ลงทุน การควบคุมคุณภาพของการเก็บ การหยิบสินค้า การป้องกัน ลดการสูญเสียจากการ ดำเนินงานเพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำที่สุด และการใช้ประโยชน์เต็มที่จากพื้นที่
วัตถุประสงค์ของการจัดการคลังสินค้า (Objective of Warehouse Management)
◦ลดระยะทางในการปฏิบัติการในการเคลื่อนย้ายให้มากที่สุด
◦การใช้พื้นที่และปริมาตรในการจัดเก็บให้เกิดประโยชน์สูงสุด
◦สร้างความมั่นใจว่าแรงงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่างๆ มีเพียงพอและสอดคล้อง กับระดับของธุรกิจที่ได้วางแผนไว้
◦สร้าง ความพึงพอใจในการทำงานในแต่ละวันแก่ผู้เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายสินค้า ทั้งการรับเข้าและการจ่ายออก โดยใช้ปริมาณจากการจัดซื้อ และความต้องการในการ จัดส่งให้แก่ลูกค้าเป็นเกณฑ์
◦สามารถ วางแผนได้อย่างต่อเนื่อง ควบคุม และรักษาระดับการใช้ทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้เกิดการบริการภายใต้ต้นทุนที่เกิดประสิทธิภาพคุ้มค่าในการลงทุนตาม ขนาดธุรกิจที่กำหนด

ประเภทคลังสินค้า

          คลังสินค้าสาธารณะเป็นกิจการทางธุรกิจที่เป็นเอกเทศเฉพาะ ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของกิจการหลักอย่างอื่น และเป็นกิจการแขนงหนึ่งของอุตสาหกรรมบริการ กิจกรรมในหน้าที่คลังสินค้าสาธารณะก็คือการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเก็บรักษาสินค้าและให้บริการจัดจัดเก็บรักษาสินค้า รวมทั้งให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับสินค้านั้น เพื่อบำเหน็ดตอบแทนเป็นทางการค้าปกติของกิจการ หรือคลังสินค้าสาธารณะอาจเป็นคลังสินค้าที่จัดตั้งขึ้นในรูปของบริษัทจำกัด การให้บริการรับฝากสินค้าและบริการอื่นๆที่เกี่ยวกับคลังสินค้าโดยเฉพาะ
          การประกอบกิจการคลังสินค้าสาธารณะ เป็นการค้าประเภทที่ถือว่ามีผลกระทบต่อความปลอดภัยและผาสุกของสาธารณะชน ดังนั้นการจัดตั้งคลังสินค้าและการดำเนินงานต้องให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฏหมาย ข้อบังคับ และเงื่อนไขควบคุมของรัฐ คลังสินค้ากลุ่มนี้ออกเป็น 3 ประเภท ดังรายละเอียดดังนี้          
          คลังสินค้าสาธารณะของบริษัทเอกชน  เป็นธุรกิจการค้าของเอกชนที่จัดตั้งขึ้นในรูปของบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด การลงทุนจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเก็บรักษาขึ้นเป็นแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ หรือหลายๆแบบรวมอยู่ในบริษัทเดียวกันก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของสินค้าที่รับทำการเก็บรักษา


กิจการสำคัญที่คลังสินค้าสาธารณะของบริษัทเอกชนดำเนินงานได้แก่
     -รักฝากสินค้าโดยผู้ประกอบกิจการคลังสินค้ารับได้ค่าตอบแทน
     -ให้ผู้ฝากกู้ยืมเงินโดยเอาสินค้าที่ฝากนั้นจำนำไว้เป็นประกันแก่ผู้ประกอบกิจการ
     -ให้บริการด้านความเย็นโดยผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าได้รับค่าตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใด
     -กระทำการใดๆ ตามแบบพิธีเกี่ยวกับการศุลกากร การนำเข้า การส่งออก การขนส่งสินค้า                                                                     และอาจจัดให้มีการประกันภัยซึ่งสินค้าซึ่งตนพึงกระทำตามสัญญาเก็บของในคลังสินค้า 

          การจัดตั้งบริษัทจำกัดที่ประกอบคลังสินค้าสาธารณะ และการดำเนินงานทางธุรการของกิจการคลังสินค้าอยู่ภายใต้บังคับของกฏหมายว่าด้วยกิจการค้าขายที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยและผาสุกของสาธารณชน และเงื่อนไขควบคุมคลังสินค้าของกระทรวงพาณิชย์

          คลังสินค้าสาธารณะขององค์การรัฐบาล  องค์การรัฐบาลที่ประกอบธุรกิจทางการค้า จะจัดตั้งขึ้นในรูปของรัฐวิสาหกิจหรือรัฐพาณิชย์รูปแบบอื่น จุดมุ่งหมายหรือนโยบายหลักในการประกอบกิจการขององค์การเหล่านี้เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในด้านต่างๆ เป็นสำคัญ เช่น นโยบายทางเศรษฐกิจการรักษา ความมั่นคงของชาติหรือการป้องกันประเทศ การรักษาความปลอดภัยหรือความผาสุกของประชาชน หรือเป็นกิจการด้านสาธารณณูปโภคที่มีความสำคัญต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก


          คลังสินค้าสาธารณะของสหกรณ์  สหกรณ์เป็นองค์การของเอกชนที่อยู่ภายใต้การควบคุมและ โดยการสนับสนุนของรัฐบาล จัดตั้งขึ้นตามหลักเกณฑ์ของกฏหมายสหกรณ์ เป็นการรวมตัวของกลุ่มอาชีพ หรือกลุ่มผลประโยชน์ ที่มีเป้าหมายในการดำเนินกิจการร่วมกัน ช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ เช่น สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การประมง สหกรณ์บริการ สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์นิคม สหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนียน เป็นต้น
          คลังสินค้าสาธารณะของสหกรณ์ เป็นของสหกรณ์ที่ประกอบกิจการคลังสินค้าในลักษณะคลังสินค้าสาธารณะ คือรับทำการเก็บรักษาเป็นสินค้าของสมาชิก และเป็นสินค้าเฉพาะอย่างอันเป็นผลผลิตตามอาชีพของสมาชิกของสหกรณ์นั้นๆ เช่น สหกรณ์การเกษตรอาจจัดตั้ง และประกอบอาชีพกิจการคลังสินค้าสาธารณะเพื่อรับการเก็บรักษาพืชผลของสมาชิกและให้บริการแก่สมาชิกเกี่ยวกับพืชผลนั้นๆ เช่น ให้สมาชิกกู้ยืมเงินไปลงทุนโดยเอาพืชผลที่ฝากเก็บไว้กับคลังสินค้านั้นเป็นประกันดอกเบี้ยตอบแทน

          ตามหลักสากล คลังสินค้าสาธารณะสามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานออกเป็น 6 รุปแบบ ดังนี้
1.คลังสินค้าทั่วไป (General Merchandise Warehouses)
2.คลังสินค้าห้องเย็น (Refrigerated or Cold-Storage Warehouses)
3.คลังสินค้าทัณฑ์บล (Bonded Warehouses)
4.คลังสินค้าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในครัวเรือน (Houseshold-Goods and Furniture Ware-houses)
5.คลังสินค้าสำหรับพืชผลเฉพาะอย่าง (Special-Commodity Warehouses)
6.คลังสินค้าสำหรับสินค้าที่มีลักษณะเป็นกองใหญ่ (Bulk Storage Warehouses)
อ้างอิง

การขนส่ง

ลักษณะทั่วไปของการขนส่ง
Transport General Features

1. ลักษณะทั่วไปของการขนส่ง
ลักษณะทั่วไปของการขนส่ง ประกอบด้วย วิวัฒนาการของการขนส่ง วัฎจักรชีวิตของการขนส่ง ขอบเขตและหน้าที่ของการขนส่ง การพัฒนาการขนส่ง ประสิทธิภาพในการขนส่ง ปัจจัยที่สำคัญสำหรับการขนส่ง และการขนส่งกับแหล่งอุตสาหกรรม ซั่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.1 วิวัฒนาการของการขนส่ง การขนส่งมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแต่เดิมนั้นการขนส่งเริ่มตั้งแต่มนุษย์เราอาศัยธรรมชาติ แล้วรู้จักใช้กำลังสัตว์เป็นพาหนะในการเดินทาง รู้จักคิดประดิษฐ์อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยจนมาถึงปัจจุบัน เราก็มีรูปแบบการขนส่งหลายๆประเภทไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ หรือแม้แต่จรวจ เหล่านี้ต่างเกิดขึ้นมา จากการพัฒนาและประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการขนส่งนั่นเอง ซึ่งสามารถแบ่งวิวัฒนาการ ของการขนส่งออกเป็น 7 ยุคดังนี้
1. ยุคใช้กำลังสัตว์เป็นพาหนะ ยุคนี้สามารถบรรทุกสิ่งของได้จำนวนจำกัด และต้องใช้จำนวนสัตว์มากตามปริมาณขอองสิ่งที่ต้องการบรรทุก ลักษณะตามที่แสดงในรูปที่ 


2. ยุควงล้อ ในยุคนี้มนุษย์รู้จักประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่งให้สามารถบรรทุกสิ่งของได้ปริมาณมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นว่ามีลักษณะวงล้อ แล้วใช้แรงงาน เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ ลากให้เคลื่อนที่ได้ เช่น เกวียน รถม้า เป็นต้น ลักษณะตามที่แสดงในรูปที่ 


3. ยุคเครื่องจักรไอน้ำ ยุคนี้มนุษย์เรารู้จักประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ ขึ้นมาใช้ในการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ เช่น คิดเครื่องจักรที่ทำงานจากไอน้ำ โดยนำมาใช้กับการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ เช่น ใช้กับการขนส่งทางรถไฟ การขนส่งทางเรือ ในยุคที่ทำให้การส่งเสริมมีการพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็ว ลักษณะตามที่แสดงในรูป 


4. ยุคมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นยุคที่มนุษย์เราได้คิดประดิษฐ์มอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้ แล้วนำเอามอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้กับการขนส่งทางบกซึ่งเรารู้จักกันดีในรูปของ “รถราง” เป็นรูปแบบของการขนส่งชนิดหนึ่งซึ่งยังคงมีใช้กันอยู่ในบางประเทศ การขนส่งยุคนี้ยังทำให้อากาศและมลภาวะต่างๆไม่เป็นพิษอีกด้วย ลักษณะตามที่แสดงในรูป 

 

5. ยุคไอพ่นและจรวด เป็นยุคที่มนุษย์เราแข่งขันกันในรูปของความเร็ว เป็นผลต่อเนื่องมาจากยุคเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยมุ่งไปในเรื่องของการขนส่งทางอากาศเป็นส่วนมาก เป็นการพัฒนาในด้านความประหยัดเวลา ตลอดจนการรวดเร็วของการขนส่ง ลักษณะตามที่แสดงตามรูป 


วัฎจักรชีวิตของการขนส่ง
การขนส่งมีลักษณะเช่นเดียวกันกับสิ่งต่างๆโดยทั่วไปที่จะต้องมีจุดเริ่มต้น จุดที่เจริญเติบโตและจุดอิ่มตัว ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตก็จะต้องมีการเกิด แก่ เจ็บตาย ในที่สุด ซึ่งเราเรียกว่า “วัฎจักร”(Circle) กล่าวคือจะมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยน และมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา วัฎจักรชีวิตของการขนส่งมีลักษณะคล้ายกับวัฎจักรชีวิตของสิ่งมีชีวิต ซึ่งแต่ละช่วงเวลาหรือแต่ละขั้นตอนของวัฎจักรชีวิต ของกาขนส่งนั้นจะขึ้นอยู่กับ
1. เทคโนโลยีต่างๆ (Technology)
2. รูปแบบใหม่ๆของการขนส่ง (Innovation In Transportation)
3. การพัฒนาการขนส่ง (Transportation Devolopment)
การขนส่งแบ่งวัฎจักรชีวิตของการขนส่งออกได้ ออกได้เป็น 5 ขั้นตอน ตามรูป


การจัดการโลจิสติกส์




Logistics Management : การจัดการด้านโลจิสติกส์ คือ การจัดการในการขนส่งสินค้าหรือบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยมีการวางแผน ควบคุม จัดเก็บข้อมูลสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวของเพื่อให้ไปถึงยังจุดหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบโลจิสติกส์นี้ช่วยให้การบริหารงานด้านธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปด้วย
การจัดการด้านโลจิสติกส์นั้นจะมีกระบวนการจัดการ เริ่มต้นด้วยการรวบรวมสินค้าที่ส่งมอบจากขั้นตอนแรกไปจนขั้นตอนการส่งมอบสินค้าที่จุดหมายปลายทาง โดยจะยึดจากความต้องการของลูกค้า มาตรฐานด้านอุตสาหกรรม และมาตรฐานด้านการขนส่ง นอกจากนี้การจัดการด้านโลจิสติกส์ยังช่วยในการวางแผนด้านกลยุทธและการดำเนินการอีกด้วย และในที่นี้จะอธิบายถึงการดำเนินการในเชิง Logistics Management ซึ่งการจัดการด้านโลจิสติกส์นี้จะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบหลายอย่าง รวมถึง
  • การเลือกผู้ขายสินค้าหรือบริการที่เหมาะสม พร้อมกับความสามารถในการจัดส่งและการอำนวยความสะดวกต่างๆในด้านการขนส่ง
  • การเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าหรือบริการไปยังจุดหมาย
  • การเลือกวิธีการจัดส่งสินค้าหรือบริการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
  • ใช้ซอฟท์แวร์หรือเทคโนโลยีเข้าช่วยในการจัดการกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวของ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ
บางครั้งการตัดสินใจที่ผิดพลาดในการจัดการด้านโลจิสติกส์ก็จะก่อให้เกิดประเด็นขึ้นได้หลายประเด็น ตัวอย่างเช่น การส่งมอบสินค้าหรือบริการที่ผิดพลาดหรือล่าช้า ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของผู้ซื้อ, ความเสียหายของสินค้าจากขั้นตอนการขนส่งที่ไม่ระมัดระวัง, การเลือกใช้เส้นในการใช้เส้นทางสำหรับการขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้สูญเสียรายจ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อีกหลายๆอย่าง โดยจากปัญหาเหล่านี้เองที่ล้วนแล้วมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการตัดสินใจและวางแผนการจัดการที่ไม่ดี การแก้ปัญหาของผู้ขายสินค้าหรือบริการในการจ้างหรือให้บริการในการจัดส่งสินค้า รวมทั้งขั้นตอนของการจัดส่งที่มีคุณภาพและความพร้อมไม่เพียงพอ
และเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้เองที่องค์กรธุรกิจแต่ละองค์กรควรใช้แนวทางในการจัดการด้านโลจิสติกส์เข้ามาช่วยในการดำเนินการ โดยบริษัทแต่ละบริษัทควรจะไปให้ความสำคัญที่การทำงานร่วมกันมากกว่าการแข่งขัน ซึ่งการบริหารการจัดส่งสินค้าหรือบริการที่ดีระหว่างผู้ขาย ผู้ซื้อ และการจัดส่ง จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปโดยไม่จำเป็นออกไปได้ ซึ่งการขนส่งสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจะเป็นส่วนสำคัญมากที่ช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จสูงสุด
เรียนโลจิสติกส์จบไปทำงานอะไรได้บ้าง?

หลังจากเรียนจบหลักสูตรในระดับปริญญาตรีแล้ว มาถึงเส้นทางอาชีพและการทำงานบ้าง งานด้านโลจิสติกส์และซับพลายเชน ถือเป็นอีกสายงานที่ตลาดในประเทศและต่างประเทศมีความต้องการบุคลากรเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจและบริการ และนี่คือสายงานและตำแหน่งที่น้องๆ บัณฑิตสาขานี้สามารถทำได้ 



ระดับปฏิบัติการ
เช่น ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดส่งและคลังสินค้า ฝ่ายควบคุมวัตถุดิบ ฝ่ายซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ ฝ่ายการขนส่ง ซึ่งในประเทศไทยมีบริษัททางขนส่งสินค้ามากกว่า 500 แห่ง รวมถึงบริษัทนำเข้าส่ง-ออก



ระดับบริหาร
เช่น นักวิเคราะห์ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน,  นักวางแผน วัตถุดิบ การผลิต หรือการกระจายสินค้า, นักวิเคราะห์กระบวนการทางธุรกิจ 



ประกอบธุรกิจส่วนตัว
เช่น นำเข้าและส่งออก ผู้ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ ตัวแทนขนส่งทางบก ทางทะเล หรือทางอากาศ



รับราชการ 
รับราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี กรมประมง กรมการขนส่งทางอากาศ กรมศุลกากร และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
งานสายวิชาการ
เช่น นักวิชาการ นักวิจัย อาจารย์ในสาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ หรือเรียนต่อระดับสูงขึ้น

กระบวนการกิจกรรมต่างๆ ที่สำคัญของโลจิสติกส์นั้นประกอบไปด้วย

– การติดต่อสื่อสารด้านโลจิสติกส์ (Logistics Communications)
– การบริการลูกค้า (Customer Service)
– กระบวนการสั่งซื้อ (Order Processing)
– การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting)
– การจัดซื้อ (Procurement)
– การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
– การบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บ (Warehousing และ Storage)
– การบริหารการขนส่ง (Transportation Management)
– การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ (Pasts และ Services Support)
– การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า (Plant และ Warehouse Site Selection)
– การเคลื่อนย้ายวัสดุ (Material Handling)
– การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ (Packaging และ Packing)
– โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics)
เป็นต้น

อ้างอิง

























ประวัติวิทยาลัยพณิชยการบางนา




ประวัติวิทยาลัย

วิทยาลัยพณิชยการบางนาเปิดการเรียนการสอนในสาขาพาณิชยกรรม ก่อตั้งเมื่อ 22 พฤษภาคม 2513 โดยเมื่อก่อตั้งมีชื่อว่า "โรงเรียนพณิชยการบางนา" สังกัดกรมอาชีวศึกษา โดยคุณบุญนาค-คุณสุเทพ รุ่งแสง  คุณบุญรอด-คุณเหรียญ รุ่งเรือง คุณเพิ่ม คุณละออ  รุ่งเรือง ได้พร้อมใจกันบริจาคที่ดินที่แขวงบางนา  เขตบางนาเป็นจำนวนเนื้อที่ 11 ไร่ 23 ตารางวา ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อสร้างโรงเรียนพณิชยการบางนา โดยในวันที่ก่อตั้งอาคารเรียนยังดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ จึงต้องใช้สถานที่สมาคมนักเรียนเก่าพณิชยการในบริเวณโรงเรียนพณิชยการพระนคในการมอบตัวนักเรียน จนกระทั่งวันที่ 10 มิถุนายน 2513 ดร.ไพศาลย์  จามรมาน ได้แต่งตั้งเป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก

วันที่ 4 มิถุนายน 2517 โรงเรียนพณิชยการบางนาได้ประกาศยกฐานะขึ้นเป็น วิทยาลัยพณิชยการบางนา ในโอกาสที่ได้รับการยกฐานะเป็นวิทยาลัย คุณบุญนาค-คุณสุเทพ รุ่งแสง ได้มอบที่ดินให้แก่วิทยาลัยฯ อีก 4 ไร่ โดยมอบให้คุณชนะ รุ่งแสง(บุตร) เป็นผู้ดำเนินการ

ต้นไม้ประจำวิทยาลัย

ต้นไม้ประจำวิทยาลัยพณิชยการบางนาคือต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ โดยเมื่อเข้าฤดูหนาวดอกของต้นชมพูพันธุ์ทิพย์จะเริ่มบานและร่วงหล่นในช่วงต้นปี ครูอาวุโสและศิษย์เก่าหลายท่านใช้เป็นสัญญาณของการจากลาเนื่องจากใกล้ถึงเวลาที่นักเรียน-นักศึกษาที่อยู่ในชั้นปีสุดท้ายใกล้จะสำเร็จการศึกษา

หลักสูตร

วิทยาลัยพณิชยการบางนาเปิดการเรียนการสอน 3 หลักสูตรคือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีบัณฑิต (ทล.บ.)

ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)

ประเภทวิชาพาณิชยรรม

  1. สาขางานการบัญชี
  2. สาขางานการบัญชี (MEP)
  3. สาขางานการขาย
  4. สาขางานการเลขานุการ
  5. สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
  6. สาขางานภาษาต่างประเทศ  (อังกฤษ)
  7. สาขางานภาษาต่างประเทศ  (จีน)
  8. สาขางานภาษาต่างประเทศ  (MEP)

ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

  1. สาขาวิชาการโรงแรม

ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)

ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ

  1. สาขาวิชาการบัญชี
  2. สาขาวิชาการตลาด
  3. สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
  4. สาขาวิชาการจัดการทั่วไป
  5. สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์

ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

  1. สาขาวิชาการโรงแรม
  2. สาขาวิชาการจัดประชุมและนิทรรศการ

ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

  1. สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ

ระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีบัณฑิต (ทล.บ.)

ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ

  1. สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ (ต่อเนื่อง)




อ้างอิง














ติดต่อวิทยาลัยพณิชยการบางนา

วิทยาลัยพณิชยการบางนา สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร  สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ 22 ซอยบางนา - ตราด 1  แขวงบางนา  เ...